นายวิฑูรย์ แนวพาณิชย์ ประธานสหกรณ์แท็กซี่สยามและตัวแทนผู้ประกอบการแท็กซี่ในโครงการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากแอลพีจีเป็นเอ็นจีวี เปิดเผยว่า ตนได้ลาออกจากการเป็นคณะกรรมการทุกชุดที่เกี่ยวกับโครงการเปลี่ยนแท็กซี่ที่ใช้ ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)เป็นก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี)ทั้งคณะกรรมการร่างทีโออาร์ ตรวจรับงาน ประกวดราคาฯลฯ และจะไม่ขอรับเป็นอีก หลังจากโครงการดังกล่าวมีความล่าช้ามาเกือบ 2 ปี และขณะนี้กระทรวงพลังงานก็ยังไม่มีความคืบหน้าอีกด้วย
"ผมไม่ได้โทษใครเป็นการส่วนตัวแต่ต้องโทษระบบราชการที่ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้าและขอลาออกจากการเป็นคณะกรรมการทุกชุดเพื่อมาต่อสู้ข้างถนนจะดีกว่า เพราะก่อนหน้านี้มีแท็กซี่ 3 หมื่นคันรอโครงการนี้มาติดให้ฟรีแต่เมื่อการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ล่าช้าทำ ให้แท็กซี่ที่เป็นแอลพีจีเหลือเพียง 1 หมื่นคันเท่านั้นเพราะไม่สามารถทนรอการดำเนินการของภาครัฐได้ ขณะที่การค่าติดเอ็นจีวีเองไม่สูงมากนักโดยระยะเวลา 2-3 เดือนก็คุ้มทุนแล้ว" นายวิฑูรย์ กล่าว
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันแพงส่งผลให้ผู้ขับรถแท็กซี่ต้องการเปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวีเพิ่มขึ้น ขณะที่บางส่วนอื่นยังรอหน่วยงานภาครัฐเพราะคาดหวังว่าจะได้เปลี่ยนฟรี แต่ทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ แม้ว่าจะมีการไปหารือกับกระทรวงพลังงานถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว และมีการรับปากจะเร่งรัดดำเนินการให้ แต่เมื่ออยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ฝ่ายการเมืองไม่กล้าตัดสินใจ ขณะที่ฝ่ายราชการก็ใส่เกียร์ว่างแล้วรอ รัฐบาลใหม่ เมื่อถึงจุดนั้นคาดว่าคงเหลือแท็กซี่อีกไม่มากนักที่ยังคงใช้ก๊าซแอลพีจีอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น